
วิเคราะห์ Blade Runner (1982)
สรุปหนังทั้งเรื่องเตรียมพร้อมดู Blade Runner ภาคต่อ
สำหรับใครที่ยังไม่มีเวลาดู Blade Runner (1982) ต้นฉบับ หรือใครที่ดูหลายปีและเริ่มจำไม่ได้แล้ว อาจจำได้แค่ภาพตื่นตาของเมืองอนาคตที่เต็มไปด้วยแสงไฟนีออน, เทคโนโลยีทันสมัย และการต่อสู้กันระหว่างตำรวจและเรพลิแคนท์ จึงขอนำเสนอบทความ วิเคราะห์ Blade Runner (1982) สรุปรวบย่อหนัง Blade Runner ต้นฉบับเรื่องนี้กัน รับรองว่าอ่านบทความนี้แล้วไปดู Blade Runner ภาคใหม่แบบไม่มีงงและไม่สับสนอย่างแน่นอน สำหรับใครที่คิดจะดูแน่นอนต้องข้ามบทความนี้ไปเลย เพราะสปอยล์หนักมาก
เรื่องราวเกี่ยวกับอะไร ?
เข้าสู่ช่วงต้นศตวรรษ 21 โลกอนาคต นำโดยบริษัทขนาดใหญ่นาม ‘ไทเรลล์ คอปเปอร์เรชั่น’ ได้สร้างมนุษย์เทียมขึ้นเรียกว่า ‘เรพลิแคนท์’ ในรุ่นเน็กซัก 6 แข็งแกร่ง ฉลาดเทียบเท่า วิศกรผู้สร้าง เอาไว้ใช้เป็นแรงงานทาสบนดาวอาณานิคมนอกโลก แต่พวกมันไม่อนุญาตให้กลับมาบนโลก ทั้งหมดจะถูกกวาดล้างเผ่าพันธุ์ แต่มีกลุ่ม เรฟลิแคนท์ 4 ตน สามารถหนีมาบนโลกได้ บนโลกจึงต้องให้ทีมตำรวจพิเศษเรียกว่า ‘เบลด รันเนอร์’ ทำการเกษียณพวกมันโดยการฆ่าตายให้เกลี้ยง
เด็คการ์ดคือใคร ?
แฮร์ริสัน ฟอร์ด แสดงเป็น เด็คการ์ด พระเอกของเรื่อง อดีตตำรวจเบลดรันเนอร์ ผู้เกษียณตัวเองไปแล้ว แต่กลับถูกเรียกให้มารับหน้าที่อีกครั้งกับการตามเก็บมนุษย์เทียม 4 ตน
เด็คการ์ดเป็นตัวละครที่คนดูแทบไม่รู้จักปูมหลังของเขา นอกจากกินบะหมี่ มีภาพถ่ายเดาว่าเป็นครอบครัวประดับตกแต่งบนเปียโนในอพาร์ทเม้น ในฉบับฉายโรงยังมีข้อมูลสำคัญคือเขาเคยมีเมียและหย่าไปแล้ว แต่ฉบับพิเศษตอนหลังข้อมูลส่วนนี้ก็ถูกเอาออกไปอย่างไร้ร่องรอย
เบลดรันเนอร์คืออะไรกันแน่?
หนังอธิบายด้วยตัวอักษรฉากเปิดตอนแรกว่า เบลดรันเนอร์ เป็นชื่อที่เรียกนักสืบภายในกองตำรวจพิเศษซึ่งมีหน้าที่ปลดประจำ(ทำลายล้าง)มนุษย์เทียม
หลายคนสงสัยว่าทำไมต้องเป็นคำว่าเบลดรันเนอร์ แต่คำตอบที่ริดลีย์ สก็อต บอกอาจจะดูประหลาดไม่ใช่น้อย เพราะจริงๆแล้ว เบลดรันเนอร์ ได้มาจากชื่อนิยายของ William S. Burroughs ซึ่งสก็อตต์บอกว่ามันฟังดูแล้วเท่ดี จึงขอซื้อแค่ชื่อนิยายมาใช้ในเป็นชื่อหนังเท่านั้น ส่วนเนื้อเรื่องไม่เกี่ยวกัน เพราะตัวหนังดัดแปลงแบบหลวมๆ มาจาก ฟิลิป เค.ดิก เรื่อง Do Androids Dream of Electric Sheep?
เรพลิแคนท์ คืออะไร ?
ช่วงต้นศตวรรษที่ 21 บริษัทไทเรลล์ คอปปอเรชั่น ครอบครองความยิ่งใหญ่ นำโดยด็อกเตอร์ เอลดอน ไทเรลล์ (โจ เทอร์เคล) เขาได้พัฒนาไซบอร์ก/มนุษย์เทียม เรียกว่า เรพลิแคนท์ หุ่นยนต์รุ่นเน็กซัส 6 ที่เหมือนมนุษย์ทุกกระเบียดนิ้ว แต่มีความสามารถเหนือกว่าทั้งความแข็งแกร่งและความคล่องแคล่ว ต่อมาพวกเขาก็ใช้เป็นแรงงานทาสบนดาวดวงอื่น จนกระทั่งพวมันขัดคำสั่ง เหตุการณ์นี้ทำให้เรพลิแคนท์ถูกประกาศว่าผิดกฎหมายบนโลก และให้เบลดรันเนอร์จัดการ
ในหนัง เด็คการ์ด ได้รับมอบหมายจับกุม 4 เรพลิแคนท์ที่จี้กระสวยอวกาศและบินมายังโลกเพื่อค้นหาวิธีทำให้ชีวิตพวกมันยืนยาวกว่าเดิม เพราะพวกมันถูกพัฒนาให้มีชีวิตอยู่ได้แค่ 4 ปีต่อตัวเท่านั้น เพราะถ้าให้อยู่นานจะสร้างอารมณ์เหมือนมนุษย์ขึ้นมา ไทเรลล์บอกตอนหลังว่าอายุขัย 4 ปีไม่สามารถขยายได้อีก ถ้าขยายเรพลิแคนท์จะตาย
เรพลิแคนท์ 4 ตน ประกอบด้วย รอย แบ๊ตตี้ รุ่นโจมตี, พริส รุ่นสันทนาการ, ซอร่า เป็นทีมนักฆ่า และลีออน รุ่นโจมตีอีกคน
บททดสอบ วอยท์-คัมพ์ (Voight-Kampff) คืออะไร ?

เด็คการ์ดทดสอบ วอยท์-คัมพ์ เรเชล
เรพลิแคนท์จะถูกตรวจสอบได้ด้วย แบบทดสอบ Voight-Kampff ซึ่งเป็นชุดของคำถามที่ไว้ประเมินค่าระดับความหยั่งรู้เพื่อแยกแยะมนุษย์กับเรพลิแคนท์
เครื่องมือนี้คล้ายกับเครื่องจับเท็จของตำรวจ โดยเจ้าเครื่อง Voight -Kampff จะประเมินการหดตัวของม่านตา ร่วมด้วยกับการหายใจ และอัตราการเต้นของหัวใจ โดยทั่วไป 20-30 คำถามสำหรับเรพลิแคนท์ก็สามารตรวจจับได้แล้ว ในหนังเท่าที่แสดงให้เห็นเบลดรันเนอร์จะจี้ถามคำถามทดสอบจริยธรรมซึ่งบางทีถ้าไม่ได้เป็นมนุษย์จะตอบแปลกออกไปจนตรวจจับได้ว่าเป็นเรพลิแคนท์
เรเชล คือใคร ?
นางเอกใน Blade Runner คืือ เรเชล (แสดงโดย Sean Young) เป็นเรพลิแคนท์รุ่นใหม่ สร้างโดยไทเรลล์ ในตอนแรกไม่มีใครรู้เลยว่าเธอไม่ได้เป็นมนุษย์ เรเชลแตกต่างจากรุ่นเน็กซัสอื่นๆ เด็คการ์ดต้องถามคำถามเธอเป็นร้อยข้อถึงจะตรวจจับได้ว่าจริงๆแล้วเธอเป็นเรพลิแคนท์ เพราะเธอเหมือนมนุษย์มาก
ตอนแรกเธอก็ปฎิเสธ เพราะคิดว่าตัวเองเป็นมนุษย์เหมือนกันด้วยการบอกเด็คการ์ดถึงสิ่งที่เธอเชื่อว่าเป็นข้อเท็จจริงและเป็นความทรงจำเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของเธอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวตอนเด็ก รูปถ่าย เด็คดาร์ดจึงแจ้งให้ทราบว่าความทรงจำเธอเป็นของปลอม ความจริงแล้วเป็นความทรงจำของหลานสาวไทเรลล์ ไทเรลล์เชื่อว่าการแทรกความทรงจำแบบมนุษย์เข้าไปในสิ่งประดิษฐ์จะทำให้พวกเรพลิแคนท์ถูกควบคุมได้ง่ายขึ้น
จริงๆ แล้วเด็คการ์ดจะต้องปลดประจำการเธอ แต่เขากลับหลงรักเธอเข้าให้ ในตอนจบของหนัง เด็คการ์ดกลับมาที่ห้องของเขา และพบว่า แกฟฟ์ เบลดรันเนอร์อีกคนเข้ามาในอพาร์ทเม้นก่อนแล้วแต่กลับปล่อยเรเชลไป หนังจบลงตรงที่เด็คการ์ดและเรเชลวิ่งหนีไปด้วยกัน
แกฟฟ์ (Gaff) คือใคร ?
Edward James Olmos เล่นเป็น แกฟฟ์ (Gaff) ทีมเบลดรันเนอร์ที่ชอบทำตัวลึกลับ เขาพูดด้วยภาษาพื้นเมืองแปลกๆ คิดขึ้นมาด้วยตัวนักแสดงเอง มันผสมระหว่างภาษาญี่ปุ่น, สเปน และเยอรมัน ซึ่งเป็นภาพสะท้อนถึงเมือง L.A. ที่มีพลเมืองหลากหลาย ภาษาจึงผสมกัน
คนดูรู้เกี่ยวกับแกฟฟ์น้อยมาก ทำหน้าเย็นชา แต่ไม่ว่าจะไปที่ไหนเขาชอบพับกระดาษโอริกามิ ในหนังเขาพับกระดาษรูปไก่ (พับตอนเด็คการ์ดขี้ขลาด), ผู้ชายอวัยวะเพศแข็งตัว (พับตอนเด็คการ์ดเจอเรเชล) และม้ายูนิคอร์น (พบไว้ในห้องเด็คการ์ด)
เด็คการ์ด เป็นเรพลิแคนท์หรือไม่ ?

ม้ายูนิคอร์นในฝันของเด็คการ์ด
ไม่ว่าคำตอบคืออะไร คำถามนี้ทำให้แฟน Blade Runner คาดเดา/ตีความ/วิเคราะห์กันสนุกตลอด 30 กว่าปี ด้วยคำตอบที่ไม่ชัดเจนจากเวอร์ชั่นต่างๆที่ถูกฉาย แต่ในเวอร์ชั่น Final Cut มีฉากเด็ดที่เด็คการ์ดฝันกลางวันถึงม้ายูนิคอร์นวิ่งผ่านเข้าไปในป่า บวกกับช่วงท้ายของหนัง ที่แกฟฟ์ทิ้งกระดาษโอริกามิรูปยูนิคอร์นเอาไว้ บ่งบอกได้ว่าเขารู้ความทรงจำที่ปลูกฝังเข้าไปในสมองของเด็คการ์ด ?
อย่างไรก็ตามจุดยืนของแฮริสัน ฟอร์ดและริดลีย์ สก็อตต์แตกต่างกัน ฟอร์ดเชื่อว่าเขาเป็นมนุษย์ ในขณะที่สก็อตต์บอกว่าเขาตั้งใจให้เขาเป็นเรพลิแคนท์มาโดยตลอด
“นั่นคือประเด็นทั้งหมดของแกฟฟ์” สก็อตต์บอก Wired Magazine in 2007 “เขาไม่ชอบเด็คการ์ด โดยเราไม่รู้ว่าทำไม หากคุณไม่ได้คิดมากอะไร ก็อาจจะบอกได้ว่า เด็คการ์ดเป็นเน็กซัส 7 (รุ่นที่พัฒนา) เขาอาจจะมีอายุขัยที่ยืนยาว จนคิดว่าตัวเองเป็นมนุษย์ก็ได้
แกฟฟ์ ในตอนใกล้จบ ทิ้งโอริกามิไว้ ซึ่งเป็นกระดาษสีเงินพับเป็นยูนิคอร์น ยูนิคอร์นอยู่ในความฝันของเด็คการ์ด ปกติเด็คการ์ดก็ไม่ได้บอกใครอยู่แล้ว หากแกฟฟ์รู้ได้ มันจึงเป็นสารที่กััฟฟ์จะบอกว่า “ฉันอ่านข้อมูลคุณแล้วนะ เพื่อนเอ๋ย”

กระดาษพับของแกฟฟ์
“นั่นเชื่อมโยงกับคำพูดเด็คการ์ดต่อเรเชลตอนที่เขาพูดว่า ‘นั่นไม่ใช่ความทรงจำของคุณ มันเป็นของหลานสาวไทเรลล์ต่างหาก และเขาอธิบายเรื่องแมงมุมนอกหน้าต่าง แมงมุมเป็นความทรงจำที่ถูกปลูกฝัง ดังนั้นเด็คการ์ดก็เหมือนกันแหละเขาก็ถูกปลูกฝังเรื่องราวในหัวเหมือนกัน”
ไม่ว่า Blade Runner 2049 จะพาเรื่องไปทางไหน แต่การได้เห็นแฮร์ริสัน ฟอร์ด มาเล่นในบทเด็ดการ์ดอีกครั้งเป็นโบนัสล้ำค่าของแฟนบอยทั้งหลาย แสดงว่าเขาอาจจะเป็นมนุษย์ หรือก็อาจเป็นเน็กซัสรุ่นพัฒนาแล้วที่สามารถแก่ได้ซึ่งเราก็ต้องไปหาคำตอบกันต่อในหนัง Blade Runner ภาคต่อ
สุดท้ายแล้วแก่นของหนัง ฺBlade Runner คืออะไร ?
แก่นของหนัง Blade Runner ว่าด้วยการสำรวจตรวจสอบความเป็นมนุษย์ หาคำจำกัดความว่ามนุษย์คืออะไร คนดูจะเห็นว่า ตลอดทั้งเรื่องมนุษย์กำลังจะไล่ฆ่าสิ่งประดิษฐ์ที่มนุษย์สร้างขึ้นมาให้เป็นทาส ทำงานยิ่งใหญ่นอกโลก แต่ให้ค่าพวกมันเป็นแค่เครื่องจักรกลเท่านั้น พอหมดค่าก็กำจัดทิ้ง ดังเช่นเรพลิแคนท์ทั้ง 4 ตน แต่เราจะเห็นว่า เครื่องจักรเหล่านี้กลับมีอารมณ์ที่ซับซ้อนไม่ต่างจากมนุษย์ ความเห็นอกเห็นใจระหว่างพวกพ้องเดียวกัน ให้ความสำคัญกับภาพถ่าย บทกวี การตั้งคำถามต่อการดำรงอยู่ของตัวเอง และสุดท้ายคือการกลัวความตาย
ในฉากสุดท้ายที่เป็นการสู้กันระหว่างเรพลิแคนท์ ‘รอย แบ็ตตี้’ และ ‘เด็คการ์ด’ – รอย ได้สอนสิ่งที่มีค่าที่สุดให้กับเด็คการ์ด นั่นคือ การเผชิญหน้ากับความตาย และการเรียนรู้คุณค่าของการเป็นมนุษย์ ด้วยคำพูดสุดเศร้าก่อนตายว่า “ช่วงเวลาทั้งหมดนี้ จะเลือนหายไปในกาลเวลา ดุจดั่งน้ำตาในสายฝน” หรือเป็นการปักธงชัยว่า พวกเขา(เรพลิแคนท์) ก็มีหัวใจในฐานะมนุษย์ไม่ต่างกับมนุษย์…แต่ในทางกลับกันโลกอนาคตที่มนุษย์ครองนั้นกลับลดคุณค่าความเป็นมนุษย์ของตัวเองลง (ซึ่งเป็นไปตามแนวคิดโลกไซเบอร์พังค์) Blade Runner จึงเป็นการส่งมอบสาระสำคัญของเรื่องที่ว่า เส้นแบ่งความเป็นมนุษย์ระหว่างมนุษย์แท้และเทียมจึงเลือนหายออกไป และเราจะนิยามความเป็นมนุษย์ด้วยหลักการง่ายๆ แบบเดิมไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
นี่คือทั้งหมดของการสรุป/วิเคราะห์หนัง Blade Runner (1982) ต้นฉบับ เพื่อให้คนที่ไม่ได้ดูได้หรือดูแล้วลืมได้ทวนความทรงจำอีกครั้ง เพื่อให้สามารถดูภาคต่อ Blade Runner 2049 ได้โดยไม่ต้องกังวลว่ายังไม่เคยดู Blade Runner ต้นฉบับซะที ส่วนใครดูภาคต่อแล้วไปอ่านบทวิจารณ์ Blade Runner 2049 ได้เลย
มนุษย์เทียม ในภาคหนึ่ง ( 1982 ) ที่จี้ยานแล้วหนีมาโลก ทั้งหมดมี หกคน ครับ
ตายเพราะโดนไฟช็อตที่โรงงาน ไทร์เรล ไปสองคน
เลยเหลือรอดอีก 4 คน ที่พระเอกต้องไปเกษียณให้น่ะครับ