
เรารู้สึกถูกชะตากับหนังเรื่องนี้มากๆ โดยเฉพาะคอนเซฟต์ของหนังที่ยกย่องความทรงจำเป็นเศษเสี้ยวทางความรู้สึก ไร้มิติทางเวลา
เปรียบเป็นโลกคู่ขนานส่วนตัวของใครของมัน ซึ่งเป็นจริงในความรู้สึกของเรามากๆ เพราะห้วงอารมณ์ความรู้สึก และความทรงจำของเรานั้นมันไร้กาลเวลา
เราอาจจะคิดถึงใครสักคนในช่วงเวลาหนึ่ง และต่อด้วยการคิดถึงอีกเวลาหนึ่ง ต่อเนื่องกัน แม้ในความจริงของเวลานั้น ทั้งสองเหตุการณ์อาจห่างกันเป็นปีเลยก็ตาม
ดังนั้นทุกคนจะมีความทรงจำที่เปรียบเหมือนโลกคู่ขนานเฉพาะตัวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
แม้ในความเป็นจริงโลกคู่ขนานบางโลกก็อาจเหลือไว้แค่เพียงความทรงจำ ไม่สามารถทำให้เป็นโลกปัจจุบันที่เราอาศัยอยู่ได้
เราจึงทำได้เพียงสร้างช่วงเวลาปัจจุบันของเราให้งดงามที่สุด ทำดีต่อคนที่เรารักให้มากที่สุด เก็บเกี่ยวช่วงเวลาแห่งความรัก
เพื่อวันหนึ่งหากมันเหลือเพียงความทรงจำ เราจะไม่ต้องมานึกเสียดายทีหลัง หรือรู้สึกผิดในการตัดสินใจอะไรไปของเราที่ไม่สามารถหวนคืนได้อีกแล้ว
สุดท้ายต่อให้ความรักครั้งนี้จะผิดหวัง เศร้าสร้อย
แต่มันจะกลายเป็นความทรงจำอันงดงาม
และเป็นโลกคู่ขนานอีกใบ ที่จะอยู่ร่วมความทรงจำกับเราชั่วชีวิต
ตราบที่ยังมีความทรงจำหล่อเลี้ยงชีวิตของเราอยู่ร่ำไป