
- เราว่ามันเป็นหนังที่ดูเพลินดีทีเดียว โดยเฉพาะช่วงระหว่างการคาดเดาว่ามาร์นีย์ที่อันนะเจอนั้นจะเป็นใครยังไง จะเป็นโลกจินตนาการ หรือโลกแห่งความฝัน คิดกระทั่งว่า หรือจะเป็นหนัง The Sixth Sense คือมันมีช่วงให้เราฟุ้งซ่านต่อพล็อตเรื่องได้ แม้ว่าสุดท้ายมันก็ไม่ได้เซอร์ไพรส์อะไร หรือแหวกแนวอะไรขนาดนั้นก็ตาม
- เอาเข้าจริงตอนที่หนังเปิดเรื่องมาว่า อันนะ หญิงสาว (ทอมบอย?) ที่เข้ากับใครไม่ได้ ไม่มีเพื่อน แถมก็เป็นเพียงลูกเลี้ยง ที่ระทมทุกข์ไปต่างๆนานา แถมเป็นโรคหอบหืด จนแม่เลี้ยงได้ส่งเธอไปสูชนบทที่มีอากาศดี และเป็นธรรมชาติ ทำให้เราก็จัดวางหนังไว้แล้ว มันก็มีเนื้อหาไม่ต่างจากเอกลักษณ์หนังญี่ปุ่นทั่วไป ที่ตัวละครมีปัญหา ก่อนที่จะได้กลับค้นพบอะไรในชนบท หรือรากเหง้าอะไรทำนองนั้น ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็เป็นแบบนั้นแหละ เพียงแต่ว่ามันมีอะไรที่ทำให้น่าสนใจมากกว่านั้น
- ความน่าสนใจนอกจากเรื่องฟุ่งซ่านพล็อตเรื่องอย่างที่บอก ซึ่งมันก็เสิร์ฟรับกับตัวละครเด็กที่มีปัญหากับตัวเอง “ฉันเกลีดตัวเอง” เป็นคำพูดอันนะที่พูดโพล่งออกมาถึงสองครั้ง แถมเธอไม่สามารถเข้ากับใครได้ แม้จะมีคนเข้ามาคุยด้วยก็ตาม หากใครเข้ามายุ่มย่ามเธอมากเกินไป เธอยังสำแดงพลังด้านมืดด่าคนอื่นอีกด้วย “ยัยหมูอ้วน ไปให้พ้น” ซึ่งเหล่านี้มันทำให้ อันนะ เป็นเด็กที่อยู่นอกวงกลม ของเด็กปกติทั่วไปที่อยู่ในวงกลม โดยอันนะรู้ตนเองว่า ตัวเองมีปัญหา และพยายามที่จะทำทุกวิถีทางที่จะกลับมาอยู่ในวงกลม หรือเป็นเหมือนเด็กปกติให้ได้เหมือนคนอื่น แม้จะไม่เป็นตัวเองก็ตาม
- ความน่าสนใจของการที่อันนะได้เข้าไปเจอบ้านริมหนองน้ำในญี่ปุ่นชนบท และพบมาร์นีย์นั้น ทำให้เราพบว่ามันเป็นความเหมือนกันคนละด้านระหว่างเธอทั้งคู่ ซึ่งทำให้มาร์นีย์เป็นสิ่งเดียวที่เธอเข้าหาได้และไม่รู้สึกแปลกแยก แม้เธอจะยังไม่รู้แน่ชัดว่าเหตุการณ์เหล่านี้มันคืออะไร แต่มันก็ทำให้เธอได้เรียนรู้ตัวเองขึ้นจากการได้พบมาร์นีย์
- สิ่งที่อดคิดไม่ได้เลยตอนที่เห็นมาร์นีย์ เห็นครอบครัวของมาร์นีย์ ที่เหมือนเป็นคนตะวันตกมากกว่าญีปุ่่น มาร์นีย์มีผมสีบลอนด์ พ่อแม่ของมาร์นีย์เหมือนลูกครึ่ง ข้าวของเครื่องใช้ เครื่องแต่งกาย ทุกสรรพสิ่งอย่างของมาร์นีย์ อ้างอิงได้ว่าเธอเป็นฝรั่งหรือมีความเป็นตะวันตกอยู่มาก ซึ่งแตกต่างจากบ้านชนบทของอันนะ ที่มีความเป็นญี่ปุ่นดั้งเดิมอยู่ จนเรามองเห็นความแตกต่างระหว่างสองวัฒนธรรมที่มาพบกัน ระหว่างความเป็นตะวันตกและความเป็นญีปุ่่นดั้งเดิม ซึ่งมันแปลกมาก แม้จะพูดได้ว่ามันดัดแปลงมากจานิยายอังกฤษ แต่คนทำก็สามารถดัดแปลงให้เข้ากับวัฒนธรรมตนเองได้ แต่การที่ทิ้งร่องรอยความเป็นตะวันตกเอาไว้อย่างเห็นได้ชัด-ให้คงอยู่ใน เรื่องนี้ ทั้งๆที่ขนบหนังญีปุ่นส่วหนึ่งนั้นมักจะเผยแพร่วัฒนธรรมชนบทของตัวเองจนเป็น เอกลักษณ์สำคัญในหนังญี่ปุ่น แต่หนังเรื่องนี้เรากลับพบว่า อันนะ ไม่ได้เรียนรู้วัฒนธรรมของประเพณีดั้งเดิมญี่ปุ่นมากเท่ากับความเป็นตะวันตก ที่อยู่ในตัวมาร์นีย์ หรืออาจกล่าวได้ว่า อันนะ กลับมาชนบทญี่ปุ่นเพื่อเรียนรู้ตัวเองจากความเป็นตะวันตกที่แฝงอยู่ในตัว มาร์นีย์มากกว่าเสียด้วยซ้ำ
- ดังนั้นหนังเรื่องนี้ผิดคาดจากสิ่งที่เห็นในต้นเรื่องมาก ที่นึกว่าหนังโยงการโหยหารากเหง้าญี่ปุ่นในชนบทเพื่อให้อันนะเรียนรู้ตนเอง กลับกันการกลับไปหาญีปุ่่นชนบทเรื่องนี้ อันนะกลับได้เรียนรู้ความเป็นตะวันตกที่แฝงอยู่ในสายเลือดของตนเอง รู้ตัวตนว่าตัวเองไม่ได้เป็นญี่ปุ่นแท้ ไม่มีรากเหง้าแบบนั้น ไม่มีพ่อแม่ ไม่มีอะไรที่โยงไปถึงหาความเป็นตัวเองได้เลย นอกจากความทรงจำ ไดอารี่ที่ทำให้พบว่ามาร์นีย์มีตัวตนอยู่จริงๆเมื่อนานมาแล้ว ซึ่งทำให้อันนะต้องค้นหาเรื่องเล่าของมาร์นีย์ที่เข้ามาหลอกหลอนอยู่ในใจ
(7-8 สปอยล์ด)
- สุดท้ายหนังเฉลยว่าไอภาพความฝัน จินตนาการทั้งหมดที่มีต่อมาร์นีย์ นั้นเพราะเธอได้รับมาจากความทรงจำที่เก็บกักเอาไว้แล้วถูกปลดปล่อยอีกครั้ง หลังจากเธอได้มาพบกับบ้านรืมหนองน้ำซึ่งเป็นลักษณะบ้านที่ติดอยู่กับ จินตนาการที่ตรงกับเรื่องเล่าที่ยายเธอเคยเล่าให้ฟัง ซึ่งทำให้เรื่องเล่าเหล่าน้นติดค้างอยู่ในใจ ก่อนที่มันจะเผยตัวเองออกมาเมื่อเธอได้กลับ ณ เมืองชนบท และบ้านมอซอ รกร้างหลังนั้นอีกครั้ง
- สุดท้ายหนังจึงเป็นการเรียนรู้จากการเป็นคนนอก จากคนนอกวงกลม ที่แตกต่างจากคนในวงกลม ซึ่งไม่ใช่ทำตัวเองให้กลายมาเป็นคนในวงกลม แต่ทำยังไงก็ได้ให้กลายเป็นคนนอกวงกลมที่มีคุณภาพ การเรียนรู้ว่า ต่อให้เราไม่ใช่สิ่งจริงแท้ต่อสภาพแวดล้อม ต่อสายเลือดของแม่เลี้ยง ต่อหลายสิ่งหลายอย่าง แต่นั่นก็ไม่ใช่ทางที่จะมานั่งโบยตีตัวเอง โบยตีชะตากรรม มันคือการเรียนรู้ทีละเล็กละน้อย เรียนรู้บางแง่มุม ที่จะปรับตัวให้เข้ากับสังคม โดยที่ตัวเองยังเป็นตัวเองอยู่ได้ ถึงแม้ชนบทของญี่ปุ่นเป็นพื้นที่ทางจิตวิญญาณที่หนังญีปุ่นในอดีตและ ปัจจุบันและอนาคตสงวนไว้ให้คนญี่ปุ่นร่วมสมัยได้ค้นพบแรงบันดาลใจ รากเหง้าของตัวเอง แต่หนังเรื่องนี้ความเป็นชนบทของญี่ปุ่นยังได้เห็นความเป็นสิ่งที่แปลกที่ แปลกทาง (ตะวันตก) ที่ทำให้อันนะได้เรียนรู้ตัวเอง ได้รู้ว่ารากเหง้าของเธอแตกต่างจากทุกคน และความทรงจำที่หลงเหลือของเธอต่อครอบครัวที่แท้จริงของเธอนั้น มันอยู่เรื่องเล่าของยายในวันนั้น รูปถ่ายบ้านรึมบึงหยักๆงอๆโทรมๆ ที่ลงชื่อยายมาร์นีย์ใบนั้น และจากปากคำบอกเล่าของใครต่อใคร นั่นคือความทรงจำของอันนะ ความทรงจำที่ลางเลือนไปเรื่อยๆ ความทรงจำที่ก้ำกึ่งระหว่างจริงและความฝัน
บางทีเธออาจจะต้องสร้าง พื้นที่ระหว่างตัวเธอเอง(นอกวงกลม) กับพื้นที่ของคนในวงกลมเอาไว้ด้วย อาจเป็นพื้นที่สำหรับที่พักตากอากาศ ที่อยู่ตรงเส้นขอบของวงกลม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เราจะได้ปรับตัวเข้าหาระหว่างกันต่อความแตกต่างทั้งมวล ที่ดำรงอยู่ในชีวิตของเธอเอง
แถม : งดงามมากที่อันนะเข้าไปสู่เรื่องเล่าของคนอื่นได้จนกลายเป็นเรื่องเล่าและความทรงจำของตัวเอง